Taking too long? Close loading screen.
TSTEGROUPLOGO
TSTE GROUP
TSTE GROUP
TSTE GROUP

สาร จากท่านประธาน

สาร จากท่านประธาน

สาร จากท่านประธาน

นายปรีชา  อรรถวิภัชน์
ประธานคณะกรรมการบริษัท

เรียน ท่านผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จทุกท่าน

ในรอบปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจร้อยละ 2.7 กอปรกับ ปี 2567 ผลผลิตทางการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ้อย มีผลผลิตส่งเข้าโรงงานลดลง 11.72 ล้านตันอ้อย จากในฤดูกาลผลิตน้ำตาลทรายปี 2565/2566 จำนวน 93.88 ล้านตันอ้อย เป็น ปริมาณอ้อยส่งโรงงาน ในฤดูกาลผลิตน้ำตาลทรายปี 2566/2567 จำนวน 82.16 ล้านตันอ้อยนั้น จากการที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยกำหนดให้มีการนำนโยบายและแนวทางด้านความยั่งยืนที่คณะกรรมการบริษัทกำหนดไว้ไปปฏิบัติผ่านวิสัยทัศน์และพันธกิจ รวมถึงนโยบายและระเบียบวิธีปฏิบัติต่างๆ อีกทั้งจัดให้มีหน่วยงานตรวจสอบภายในเพื่อตรวจสอบการปฏิบัติตามนโยบายและแนวทางด้านความยั่งยืนอีกด้วย กอปรกับบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับผู้ได้เสียกลุ่มต่างๆ รวมถึงการสร้างพันธมิตรทางการค้ามากมาย

อีกทั้ง การปรับปรุงพัฒนามาตรฐานการให้บริการด้านโลจิสติกส์ อย่างต่อเนื่องในระดับสากลส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรและสภาพคล่อง รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ได้โดยภาพรวมผลประกอบการ ในปี 2567 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 102.38 ล้านบาท และ บริษัทฯ ประกาศจ่ายปันผลในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น แม้ว่าจะมีผลกระทบจากภายนอกมากมาย แต่กลุ่มบริษัทฯ ยังสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรสุทธิและความสามารถในการชำระหนี้รวมถึงยังรักษาความสามารถในการการจ่ายเงินปันผลไว้ได้จึงเป็นการยืนยันว่ากลุ่มบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

ในนามของประธานกรรมการ ผมขอขอบคุณสำหรับความไว้วางใจและความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นนักลงทุน สถาบันการเงิน พันธมิตรทางธุรกิจ ลูกค้าตลอดจนผู้บริหาร และพนักงานทุกท่านที่ได้ร่วมแรงร่วมใจช่วยดำเนินธุรกิจด้วยความเสียสละ ทุ่มเท อดทนและซื่อสัตย์ส่งผลให้บริษัทประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันว่าจะดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตระหนักถึง ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย รวมถึง มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม เพื่อให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน

นายสุวัฒน์ สัมมาชีพวิศวกุล
ประธานกรรมการตรวจสอบ

เรียน ท่านผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จทุกท่าน

คณะกรรมการตรวจสอบ ได้รับการแต่งตั้งจากมติคณะกรรมการบริษัท ประกอบด้วยกรรมการอิสระของบริษัท จำนวน 3 ท่าน โดยมี นายสุวัฒน์ สัมมาชีพวิศวกุล ประธานกรรมการตรวจสอบ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ทางด้านบัญชี นางพวงทิพย์  ศิลปศาสตร์ กรรมการตรวจสอบ นางกรศิริ  พิณรัตน์ กรรมการตรวจสอบ

ในปี 2567 คณะกรรมการตรวจสอบได้มีการประชุมรวม 4 ครั้ง และกรรมการ ทุกท่านเข้าร่วมการประชุมครบทุกครั้ง การเข้าร่วมประชุมของกรรมการแต่ละท่าน ได้รายงานไว้ในรายงานประจำปี 2567 และได้ดำเนินการต่างๆ สรุปได้ดังนี้

1.ทบทวนรายงานทางการเงินทั้งรายไตรมาสและประจำปีของบริษัทและงบการเงินรวมของบริษัทย่อย โดยพิจารณาข้อมูลทางบัญชีการปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานทางการเงินการควบคุมภายในที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำงบการเงินดังกล่าว โดยประชุมพิจารณาร่วมกับผู้บริหารในสายงานบัญชีของบริษัทและบริษัท สำนักงาน เอ เอ็ม ซี จำกัด ผู้ตรวจสอบบัญชีอย่างสม่ำเสมอ โดยมีการรายงานข้อสังเกตจากการสอบทานและตรวจสอบ ทั้งนี้ในระหว่างการสอบทานและตรวจสอบของผู้สอบบัญชีไม่พบการทุจริตหรือการฝ่าฝืนกฎหมายของบริษัทและบริษัทย่อย

2. เข้าร่วมประชุมกับบริษัท ตรวจสอบภายในธรรมนิติ จำกัด ผู้ตรวจสอบภายใน เพื่อประเมินประสิทธิผล และความพอเพียงของระบบการควบคุมภายในของหน่วยงานต่างๆ ประเด็นสำคัญที่ตรวจพบตลอดจนติดตามผลการปรับปรุงแก้ไข ประเด็นที่ตรวจพบตลอดจนแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งนำเสนอโดย ผู้ตรวจสอบภายใน โดยเน้นความเป็นอิสระของทั้ง ผู้ตรวจสอบภายในและผู้สอบบัญชีภายนอก

3. พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนงานตรวจสอบภายในประจำปี 2567 โดยเน้นหนักในเรื่องที่จะมีความเสี่ยงที่มีผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจทั้งของบริษัทและบริษัทย่อย โดยติดตามผลการแก้ไขตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจสอบภายในให้มีการดำเนินการอย่างถูกต้องและต่อเนื่องเพื่อให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทในเครือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลมากที่สุด

4. ทบทวนระบบการกำกับดูแลการปฏิบัติงานตามข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทรวมถึงการปฏิบัติตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยประชุมร่วมกับผู้บริหารสายงานบัญชี ผู้ตรวจสอบบัญชี และผู้ตรวจสอบภายใน

5. สอบทานรายการระหว่างกันของบริษัทกับบริษัทย่อย รวมทั้งรายการที่เกี่ยวโยงกัน หรือรายการที่อาจเกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกรรมนั้นเป็นไปตามเงื่อนไขทางธุรกิจปกติ สมเหตุสมผล และประโยชน์สูงสุดของบริษัท พร้อมทั้งเปิดเผยข้อมูลอย่างเพียงพอ โปร่งใส ไม่มีรายการที่กระทบต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

6. ประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้ตรวจสอบบัญชีและผู้ตรวจสอบภายในตลอดจนพิจารณาความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของผู้ตรวจสอบบัญชีและผู้ตรวจสอบภายใน รวมทั้งค่าตอบแทนในการสอบบัญชีและการตรวจสอบภายในที่เหมาะสมเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการ บริษัทเพื่อให้ความเห็นชอบในการเสนอรายชื่อผู้สอบบัญชีและค่าตอบแทน ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติแต่งตั้งสำหรับปี 2567

ในการดำเนินงานตามบทบาทหน้าที่ในปี 2567 คณะกรรมการตรวจสอบได้ทบทวนและพิจารณาการดำเนินงานของบริษัทโดยพิจารณา ร่วมกับผู้บริหารที่รับผิดชอบผู้ตรวจสอบภายในและผู้สอบบัญชีภายนอก โดยรวมคณะกรรมการตรวจสอบเห็นว่าบริษัทมีระบบการควบคุมภายใน ที่เหมาะสมและเพียงพอ รวมถึงมีการดำเนินงานที่สอดคล้องกับข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ และนโยบายของบริษัท รวมทั้งงบการเงินของบริษัทฯ ได้จัดทำขึ้นตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไปเชื่อถือได้โดยได้นำระบบการบริหารความเสี่ยงและกระบวนการ ตรวจสอบมาพิจารณาด้วยแล้ว

นายประภาส ชุติมาวรพันธ์
ประธานกรรมการบริหาร

เรียน ท่านผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จทุกท่าน

ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้ร้อยละ 2.7 บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับการผลิตที่ได้มาตรฐานในระดับสากล ทั้งในส่วนของการผ่านการรับรองมาตรฐาน BRC FSSC 22000 และ ISO 22000   และการให้ความสำคัญการการบริหารจัดการต้นทุนให้สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมได้ รวมถึงการสร้างกลุ่มพันธมิตรและสร้างโอกาสในการลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ส่งผลให้ บริษัท ทีเอสทีอี จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ รักษาความสามารถในการทำกำไรได้อย่างยั่งยืน ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะ  “ผู้นำในด้านการให้บริการด้านโลจิสติกส์ และดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร”

ทั้งนี้ ด้วยการที่คณะผู้บริหารและพนักงานทุกระดับปฏิบัติตาม วิสัยทัศน์ และพันธกิจ รวมถึงการดำเนินงานด้วยค่านิยมหลักขององค์กรอย่างเคร่งครัด ได้แก่ มีวินัยการทำงาน มีความซื่อสัตย์  มีใจรักบริการ และมีความสามารถ กอปรกับ การดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง จะเป็นแนวทางเพื่อสร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องต่อไป

บริษัท ทีเอสทีอี จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ มุ่งมั่นที่พร้อมจะประกอบธุรกิจด้วยความดูแลใส่ใจต่อผู้มีส่วนได้เสีย เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ ตลอดจนมีธรรมภิบาลเป็นเครื่องกำกับให้การดำเนินกิจกรรมต่างๆ เป็นไปด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และยุติธรรม ในขณะเดียวกันก็มีความตระหนักถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นกุญแจสำคัญสู่การเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืนได้อย่างแท้จริง

นางพวงทิพย์ ศิลปศาสตร์
ประธานกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน

เรียน ท่านผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จทุกท่าน

คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน ได้รับการแต่งตั้งจากมติคณะกรรมการบริษัทฯ ประกอบด้วยคณะกรรมการจำนวน 3 ท่าน ได้แก่ คุณพวงทิพย์ ศิลปศาสตร์ ประธานกรรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน คุณสุวัฒน์ สัมมาชีพวิศวกุล  และคุณจุฑาทิพย์ อรุณานนท์ชัย  ในปี 2567 คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน มีการประชุมทั้งหมด 2 ครั้ง โดยกรรมการทุกท่านเข้าร่วมการประชุมทุกครั้ง และได้รายงานไว้ในรายงานประจำปี 56-1 One Report ประจำปี 2567 ทั้งนี้ คณะกรรมการได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎบัตร โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

1. การสรรหาและคัดเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท

ในการพิจารณาสรรหา และคัดเลือกบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ กรรมการบริษัท และกรรมการชุดย่อยต่างๆ แทนกรรมการที่ครบวาระ และได้เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นสามารถเสนอรายชื่อบุคคลเพื่อเข้าพิจารณาคัดเลือกในระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2567 เพื่อนำมาพิจารณาคุณสมบัติที่เหมาะสม ครบถ้วนตามข้อกำหนดของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายกำหนดโดยคำนึงถึงคุณวุฒิ ประสบการณ์ และความรู้ ความสามารถที่จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทฯ ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ และที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป

2. การกำหนดค่าตอบแทนของคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการชุดย่อย

ในการพิจารณากำหนดค่าตอบแทนและผลประโยชน์อื่นๆ สำหรับกรรมการ คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน  ได้พิจารณาค่าตอบแทนอย่างโปร่งใสเหมาะสมกับขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯโดยศึกษา วิเคราะห์ เปรียบเทียบค่าตอบแทน ของกรรมการและผู้บริหารระดับสูงให้อยู่ในระดับที่เทียบเคียงได้กับ บริษัทจดทะเบียนในอุตสาหกรรมเดียวกัน หรือบริษัทอื่นใดที่มีขนาดใกล้เคียงกัน เพื่อจูงใจและรักษากรรมการและผู้บริหารระดับสูงที่มีคุณภาพไว้กับบริษัท

3. การจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ และรายงานต่อคณะกรรมการบริษัท

เพื่อให้การปฏิบัติงานของกรรมการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเปิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนจึงมีการจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ คณะกรรมการชุดย่อย และกรรมการรายบุคคลอยู่เป็นประจำทุกปี ซึ่งมีความสอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยมุ่งเน้นการนำผลประเมินไปใช้ประโยชน์เพื่อการปรับปรุงการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ

นางกรศิริ พิณรัตน์
ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง

เรียน ท่านผู้มีส่วนร่วมในความสำเร็จทุกท่าน

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ได้รับการแต่งตั้งจากมติคณะกรรมการบริษัทฯ ประกอบด้วยคณะกรรมการจำนวน 5 ท่าน ได้แก่ คุณกรศิริ พิณรัตน์  ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง คุณสุวัฒน์ สัมมาชีพวิศวกุล คุณพวงทิพย์ ศิลปศาสตร์ คุณชนะชัย ชุติมาวรพันธ์ และคุณ ธนากร เจริญวงศา

ในปี 2567 คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง มีการประชุมทั้งหมด 4 ครั้ง โดยกรรมการทุกท่านเข้าร่วมการประชุมทุกครั้ง และได้รายงานไว้ในรายงานประจำปี 56-1 One Report ประจำปี 2567 โดยคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้การบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ สามารถสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือแก่ผู้ถือหุ้นและผู้มีส่วนได้เสียว่า บริษัทฯ มีระบบการบริหารความเสี่ยงที่สามารถรองรับความเสี่ยงได้ในทุกมิติ

โดยมีสาระสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ดังนี้

1. กำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงเพื่อลดผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจ

บริษัทฯ ได้ติดตามสถานการณ์สำคัญต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของธุรกิจของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ มีมาตรการเชิงรุก และเชิงรับ จัดทำแผนบริหารจัดการเพื่อลดโอกาสเกิดเหตุการณ์ความเสี่ยง ทุกรายการ โดยในปี 2567 ได้ทบทวนปรับปรุงนโยบายการบริหารความเสี่ยง และความเสี่ยงที่ยอมรับได้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน

2. กำกับดูแลการบริหารผู้มีส่วนได้เสียขององค์กร

เพื่อให้กระบวนการบริหารผู้มีส่วนได้เสีย และครอบคลุมการบริหารจัดการผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยมีความเห็นชอบ ดังนี้

2.1 กลยุทธ์การบริหารผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท

2.2 ประเด็นที่ผู้มีส่วนได้เสียให้ความสำคัญและแนวทางการดำเนินงาน

3.ติดตามการบริหารความเสี่ยงองค์กร ประจำปี 2567

โดยติดตามอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกไตรมาส มีการกำหนดตัวชี้วัดความเสี่ยงเพื่อเฝ้าระวังและเตือนภัยล่วงหน้า ให้คำแนะนำฝ่ายจัดการในการปรับปรุงการบริหารจัดการ ความเสี่ยงให้ดียิ่งขึ้นโดยทบทวนแผนความเสี่ยงให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป และมีการรายงานผลให้คณะกรรมการบริษัทได้รับทราบ

ปรับปรุงการบริหารจัดการ      ความเสี่ยงให้ดียิ่งขึ้นโดยทบทวนแผนความเสี่ยงให้สอดคล้องกับกลยุทธ์และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป และมีการรายงานผลให้คณะกรรมการบริษัทได้รับทราบ

4.พิจารณากลั่นกรองรายงานความเสี่ยงองค์กร

ได้นำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริษัท ซึ่งทำให้แผนบริหารความเสี่ยงมีความชัดเจน สอดคล้องกับกลยุทธ์และเป้าหมายการดำเนินธุรกิจ โดยมีการถ่ายทอดไปสู่การปฏิบัติทั่วองค์กร เพื่อให้สามารถบริหารความเสี่ยง ได้อย่างมีประสิทธิผลได้ทันท่วงที

โดยสรุป คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯจะมุ่งมั่นรักษาและทุ่มเทพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิผล เหมาะสม และควบคุมได้ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ และบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจอย่างยั่งยืน ในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย

Scroll to Top